เพื่อน ๆ รู้กันไหมคะว่าใน แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) มีส่วนผสมที่สำคัญต่ออย่าง วิตามินอี ( Vitamin E ) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็นผลดีต่อผิวพรรณ วันนี้เราจึงมาบอกเล่าเกี่ยวกับ ข้อดี ของ วิตามินอี กันค่ะ

วิตามินอี ( Vitamin E ) เป็นสารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ทั้งในด้านของสุขภาพ วิตามินอี ( Vitamin E ) เป็นหนึ่งในวิตามิน ที่ละลายในไขมันได้ดี ร่างกายจำเป็นต้องใช้ วิตามินอี ( Vitamin E ) เป็นส่วนประกอบ ของเยื่อหุ้มเซลล์ ประโยชน์ของ วิตามินอี ( Vitamin E ) คือ ป้องกันการแตกของเม็ดเลือด ป้องกันการอุดตันของเม็ดเลือด ต่อต้านอนุมูลอิสระ และ ป้องกันการอักเสบ

รูปแบบของ วิตามิน

วิตามิน มีความหลากหลายมาก ทั้งอาหารเสริม เช่น ยาน้ำ แคปซูล ผงสกัด ซอฟต์เจล ( Softgel ) เป็นต้น และ ยังมีผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกอย่าง ครีมทาผิว โลชั่นบำรุงผิว และ อื่น ๆ นอกจากนี้ วิตามินอี ( Vitamin E ) ยังมีอยู่ในอาหารธรรมชาติ โดยเฉพาะใน ผัก และ ผลไม้

ความต้องการ วิตามินอี ( Vitamin E ) ของร่างกาย

• ร่างกายคนทั่วไปต้องการ วิตามินอี ( Vitamin E ) วันละ 8-10 I.U. ( 8-10 มิลลิกรัม )
• หากเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี และรับประทานอาหารครบ 5 หมู่เป็นประจำ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาด วิตามินอี ( Vitamin E )
• ในบางรายอาจต้องการ วิตามินอี ( Vitamin E ) มากกว่าคนทั่วไป เช่น คนที่มีปัญหาการดูดซึม วิตามินอี ( Vitamin E ) เป็นต้น

วิตามินอี ( Vitamin E ) มีอยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง

สามารถหาได้จาก อาหารธรรมชาติหลายอย่าง เช่น ไข่ พืช ผัก ผลไม้ อาหารจำพวกถั่ว นอกจากนี้ยังมีอยู่ในน้ำมันด้วย เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันมะพร้าว เป็นต้น

ประโยชน์ของ วิตามินอี ( Vitamin E )

• วิตามินอี ( Vitamin E ) ในรูปแบบยา ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคขาด วิตามินอี ( Vitamin E ) ในเด็ก ไปจนถึงโรคที่มีการนำ วิตามินอี ( Vitamin E ) ไปใช้นอกข้อบ่งใช้หลัก เช่น โรคปวดปลายประสาท จากการติดเชื้องูสวัด และ โรคอัลไซเมอร์
• วิตามินอี ( Vitamin E ) ในรูปแบบอาหาร หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใช้เป็นสารกันหืนในอาหาร และ ใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อบำรุงร่างกาย
• วิตามินอี ( Vitamin E ) ในรูปแบบเครื่องสำอาง ใช้เป็นครีมบำรุงผิว เป็นสารกันหืน สารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ใช้ผสมในครีมกันแดด เนื่องจาก วิตามินอี ( Vitamin E ) สามารถกรองรังสี UV-B ได้

บำรุงผิวด้วย วิตามินอี ( Vitamin E ) แบบกิน และ แบบทา

• วิตามินอี ( Vitamin E ) แบบกิน จะเริ่มบำรุงผิวหลังกินไป 7-10 วัน
• วิตามินอี ( Vitamin E ) แบบทา ทำปฏิกิริยากับผิวทันที แต่ซึมลงบนผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ไม่ซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก
• สามารถบำรุงผิวด้วย วิตามินอี ( Vitamin E ) ทั้งแบบกิน และ ทาควบคู่กันได้

อาการของคนที่ขาด วิตามินอี ( Vitamin E )

อาการที่สังเกตได้ คือ เรื่องประสาทการรับสัมผัส ผู้ที่ขาด วิตามินอี ( Vitamin E ) จะรู้สึกชา ส่วนอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากการขาดวิตามินอี ( Vitamin E ) ได้แก่ ความผิดปกติทางระบบประสาท ระบบเลือด ระบบสืบพันธุ์

หากเพื่อน ๆ คนไหน อยากได้อาหารเสริม ที่มีส่วนประกอบของ วิตามินอี ( Vitamin E ) เพื่อการดูแลสุขภาพ เราขอแนะนำ แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) เพราะใน แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) มีวิตามินอี คือสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันและซ่อมแซมการสึกหรอของผิว เล็บ และเส้นผม อีกทั้งยังมีสารคีโตน ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ประสาท ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคสมองเสื่อม หรือ โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท

และใน แคปซูลน้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil Capsule ) มีส่วนช่วย ในการปรับระดับคอเรสเตอรอลให้คงที่ มีแคลอรี่ต่ำ ให้พลังงานสูง ช่วยให้ผิวพรรณสดใส และ หัวใจแข็งแรง นอกจากนี้ ยังช่วยลดปริมาณ ไขมันเลว ( LDL ) ที่ทำให้เป็นโรคหัวใจอีกด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติม

อาหารเสริม ทางเลือกด้านสุขภาพ

ให้ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ชนิดเม็ด ช่วยดูแลคุณ