แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) ช่วยดูแลสุขภาพ ให้ดีในทุก ๆ วัน
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) ช่วยดูแลสุขภาพ ให้ดีในทุก ๆ วัน


เพื่อน ๆ ที่หันมากิน วิตามิน หรือ อาหารเสริม อย่าง แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) เพื่อดูแลสุขภาพ วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ ในการ ช่วยดูแลสุขภาพ ให้ดีในทุก ๆ วัน มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

 

แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีกรดลอริก ที่เปลี่ยนไปเป็น สารโมโนลอริน ( Monolaurin ) ในร่างกาย ซึ่งโมโนลอริน เป็นสารปฏิชีวนะ ที่ทำลายเชื้อโรคได้ดีกว่า ยาปฏิชีวนะ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยสามารถฆ่า เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ โปรโตชัว และ ไวรัส เป็นต้น

 

ผู้ที่กิน แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) จึงมีสุขภาพดี แข็งแรง เนื่องจากน้ำมันมะพร้าว ใน แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก จึงย่อยง่าย ร่างกายสามารถนำไปสร้างพลังงานได้ในทันที ไม่สะสมเป็นไขมันในร่างกาย และ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของระบบไหลเวียนโลหิต ลดการอักเสบ และ ความดันของหลอดเลือด โดย แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) สามารถกินได้ครั้งละ 2 เม็ด 3 เวลาก่อนอาหาร

 

 

เทคนิคดี ๆ ในการดูแลสุขภาพ เป็นประจำทุกวัน

1. เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

อาหารกับสุขภาพเป็นของคู่กัน การที่เราจะมีสุขภาพดีได้นั้น การกินถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการดูแลตัวเอง เป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอก เราจึงควรต้องกินอาหารให้พอดีและหลากหลายในแต่ละวัน เลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นไปที่โปรตีน และคาร์โบไฮเดตรที่มีประโยชน์เป็นหลัก เสริมผัก ผลไม้ที่ให้เกลือแร่และวิตามิน ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมัน และอาหารที่มีคลอเรสเตอรอลสูง

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถกินอาหารที่คุณชอบแต่อาจจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนัก แถมยังรู้สึกผิดทุกครั้งที่กินเข้าไปได้ แน่นอนว่าคุณสามารถกินเค้กชิ้นเล็ก ๆ ชานมไข่มุก หรือเมนูประเภทปิ้งย่างได้เช่นกัน แต่ต้องระวังไม่ให้เผลอกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะถ้าหากคุณกินในปริมาณที่พอดีก็จะเป็นผลดีต่อร่างกายและจิตใจแถมยังช่วยเยียวยาอารมณ์ให้ดีขึ้นได้โดยไม่เสียสุขภาพด้วย

 

2. ออกกำลังกาย

เมื่อเลือกทานอาหารที่ดีแล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ การออกกำลังกาย ปัจจุบันการออกกำลังกายมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความชอบ ไลฟ์สไตล์ และสภาพร่างกายของแต่ละคน แต่ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายชนิดไหน ก็มีส่วนช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง และมีสุขภาพดีมากขึ้นทั้งนั้น

 

การออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างอย่างหนัก แต่การออกกำลังกายที่ดีควรทำเป็นประจำ สม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที และควรออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยเลือกรูปแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับ สภาพร่างกายช่วงวัยและความถนัด ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค บอดี้เวท หรือโยคะ เพราะการได้ออกกำลังกายในรูปแบบที่เราชอบ จะช่วยทำให้เราออกกำลังกายได้นานขึ้น และออกกำลังกายได้อย่างไม่มีเบื่อ แถมได้ลดน้ำหนักไปในตัวอีกด้วย

 

3. ดื่มน้ำให้เยอะ เพื่อสุขภาพและผิวพรรณ

การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานการมีสุขภาพดีที่สำคัญขาดไม่ได้เลยในชีวิตประจำวัน แต่กลับเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม การดื่มน้ำเปล่านอกจากจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังช่วยปรับสมดุลของร่างกาย บรรเทาความเมื่อยล้า ช่วยในเรื่องระบบเผาผลาญและการขับถ่าย แถมยังช่วยให้สุขภาพผิวของเราดีขึ้น

 

ปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับร่างกายในแต่ละวัน โดยประมาณคือ 2 ลิตร ดังนั้นเราจึงควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์ สำหรับคนที่ดื่มน้ำน้อย ลองกรอกน้ำใส่ขวดไว้แล้วตั้งเป้าหมายว่าต้องดื่มน้ำเรื่อย ๆ ให้หมดขวดภายในหนึ่งวัน แบบนี้ก็สามารถทำให้เราดื่มน้ำได้มากขึ้นเช่นกัน

 

นอกจากนี้แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ สมองฝ่อ โรคตับ อีกทั้งยังมีผลต่อกล้ามเนื้อ และกระดูกในระยะยาวอีกด้วย

 

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

ปัจจุบันเรา ใช้เวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ จนลืมไปว่าสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด และเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆ ในการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีนั้นก็คือการนอนการนอนหลับให้เพียงพอ ซึ่งถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ อวัยวะต่าง ๆ จะได้หยุดพัก หรือทำงานน้อยลง เป็นช่วงเวลาที่ระบบภูมิต้านทานจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และสะสมพลังงานสำรองไว้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากเรานอนครบ 8-10 ชั่วโมงต่อคืน จะทำให้เราตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่น และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในวันถัดไปได้อย่างไม่รู้สึกเหนื่อยล้า เปรียบเสมือนการได้ชาร์ตแบตร่างกายให้เต็ม 100% ในทุก ๆ วัน

 

ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าเข้านอนก็คือ ช่วงเวลาระหว่าง 22.00-02.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน เพื่อทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ และทำให้คุณภาพการนอนได้รวมดีขึ้นอีกด้วย

 

5. วางแผนจัดการกับความเครียด ไม่ให้เสียสุขภาพจิต

ความเครียดถือเป็นศัตรูตัวร้ายที่คอยบั่นทอนสุขภาพ เป็นสภาวะอารมณ์ของคนที่ต้องเจอกับปัญหาต่าง ๆ จนเกิดความไม่สบายใจ วิตกกังวล และรู้สึกกดดัน หลายครั้งที่เรามักเรียกโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่สิ่งเหล่านี้มักจะแสดงออกมาทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ หรือพฤติกรรม บางคนเครียดแล้วทำให้หงุดหงิดง่าย บางคนเครียดแล้วป่วยบ่อย บางคนก็นอนไม่หลับ เราจึงควรต้องหาวิธีจัดการและบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้น เพื่อให้เรามีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีในเวลาเดียวกัน

 

การจัดการกับความเครียดนั้นทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการไปออกกำลังกาย การนั่งสมาธิฝึกจิตใจ ธรรมชาติบำบัด การอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ตลอดจนการจัดสรรเวลาในชีวิตไม่ให้โฟกัสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือ จมอยู่กับความเครียดมากจนเกินไป จนอาจกระทบต่อตนเอง และคนรอบข้างได้

 

สุขภาพที่ดี เริ่มได้ที่ตัวคุณ ด้วยความปราถนาดีจาก COCO MEGA 3 แคปซูล น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ตราแมนเนเจอร์ ( Organic Coconut Oil Capsule COCO MEGA 3 By ManNature )

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

อาหารเสริม ทางเลือกด้านสุขภาพ

ให้ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ชนิดเม็ด ช่วยดูแลคุณ


Tag :