ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อันตรายมากน้อยแค่ไหน กันนะ ?
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อันตรายมากน้อยแค่ไหน กันนะ ?


ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ถือว่าเป็นชื่อ โรคที่ ดูจะอันตรายอย่างมาก แต่ก็มีใคร ๆ หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยที่ว่า อาการ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง มันอันตรายขนาดไหนต่อร่างกายของเรา และมันจะทำให้ ร่างกายของเรา เกิดอะไรขึ้น วันนี้เราจะพา ทุกคนไปหาคำตอบกัน

 

                ก่อนที่เรา จะไปหาคำตอบว่า อาการ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง มันคืออาการ อะไร และมันอันตรายขนาดไหน ต่อร่างกาย ของเรา กันนั้น เรามาทำความเข้าใจกับ มันกันก่อนดีกว่า ว่า มันคืออาการ หรือ โรคชนิดไหน สำหรับ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง  ถ้า หากตรวจวัด ระดับ น้ำตาลในเลือด ของเรา หลังจากการ ที่เราทำการ อดอาหารเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (FPG) ระดับน้ำตาลในเลือดในบุคคลปกติจะมีค่าน้อยกว่า 100 มก./ดล. ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วง 100-125 มก./ดล. จะถือว่าเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการ เป็น โรค ที่อันตรายต่อร่าวกาย ของเรา นั้นก็คือ โรคเบาหวาน และ แมมันยัง แต่ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดตั้งแต่ 126 มก./ดล. ขึ้นไป และเมื่อได้รับการตรวจซ้ำแล้วยังพบว่ามีค่าผิดปกติดังกล่าวอยู่อีกจะถือว่าเป็นบุคคลนั้นเป็นโรคเบาหวาน

 

สำหรับ กลุ่มคน หรือ บุคคลกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิด โรคเบาหวาน

 

  • คนที่มี โรค อ้วน             
  • ท่านใด ที่อายุมากกว่า ประมาณ 40 ปี             
  • มี ภาวะความดันโลหิตสูง             
  • เมื่อทดสอบความทนต่อน้ำตาล (กลูโคส) ด้วยการดื่มกลูโคส 75 กรัม  แล้วพบว่าระดับน้ำตาลในเลือด 2 ชั่วโมงหลังดื่มกลูโคสอยู่ในช่วง 140-199มก./ดล.            
  • มีไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงและระดับโคเลสเตอรอลที่ดี (HDL-C) ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ             
  • มีระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร 8 ชั่วโมงอยู่ระหว่าง 100-125 มก./ดล.             
  • ท่านใด ที่ มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน

 

แน่นอนว่า ใน ระดับ น้ำตาล ก่อนอาหารตั้งแต่ ประมาณ 126 มก. / ดล. จะ มีความสัมพันธ์ กับภาวะแทรกซ้อนระยะยาว ยกตัวอย่างเช่น โรคตา โรคไต เส้นประสาทเสื่อม โรคหัวใจ และ รวมไปถึง โรค หลอดเดือด และ ซึ่งผู้ ที่มีอาการ ป่วยบางท่านมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า การที่ควบคุมน้ำตาลไม่เกิน 180 มก./ดล. ก็เพียงพอเพราะไม่มีอาการและ หลัง จาก โรคเบาหวาน และ ซึ่งอาจจะ เป็นจริงใน สำหรับ ผู้ป่วย บางราย ยกตัวอย่าวง่าย ๆ  เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ มีโรคแทรกซ้อนหรือผู้ป่วยที่มีโรคร่วมที่รุนแรง หรือมีภาวะ ของ น้ำตาลในเลือดต่ำบ่อยๆแต่ในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อยุ่น้อยและคาดว่าจะมีอายุยืนยาวควรจะควบคุมระดับน้ำตาลใหเปกติหรือใกล้เคียงปกติ (FPG น้อยกว่า 80-130 มก./ดล.) เพราะ มันอาจจะลดอัตราการเกิด ภาวะแทรกซ้อนจาก  โรคเบาหวานใน ระยะยาวได้

 

และสำหรับ ใครที่กำลังเกิดความสงสัยว่า เราเป็นอาการ เบาหวาน หรือไม่ หรือ โรคเบาหวาน มีอาการ อย่างไร เราจะมาแนะนำ อาการ ที่สามาระสังเกตได้

 

สำหรับ โรคเบาหวาน จะ มีอาการอย่างไร และ อาการหลัก ๆ ที่สื่อว่าคน ๆ นั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นอาการ ของ โรค เบาหวาน อาจได้แก่ รู้สึกหิวบ่อย , กระหายน้ำ , ปัสสาวะมีปริมาณมากและบ่อย อีกทั้งก็ยังมีอาการอื่นๆ ประกอบ อาทิ

 

  • เหนื่อย อ่อนเพลียผิวแห้ง เกิดอาการคันบริเวณผิว หรือ บริเวณ ส่วนอื่นของร่างกาย
  • อาจ มีอาการ ตาแห้ง
  • อาจจะ มีอาการชาที่เท้า หรือรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่ปลายเท้า หรือที่เท้า
  • ร่างกายซูบผอมลงผิดปกติ โดยไม่สามารถหาสาเหตุได้
  • เมื่อเกิดบาดแผลที่บริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ของเรา มักหายช้ากว่าปกติ และ โดยเฉพาะแผลที่เกิดกับบริเวณเท้า
  • บางคนอาจ มีอาการ สายตาพร่ามัวในแบบที่ หาสาเหตุ ไม่ได้

 

และ โดยสิ่งสำคัญ ของ การ ที่เราจะทำการ ป้องกัน อาการ ของ โรคเบาหวาน ทุกชนิด นั้นก็ คือ ต้องคอยหมั่นระวังระดับ น้ำตาลในเลือด และ อาจรวมไปถึง คอเลสเตอรอลให้อยู่เกณฑ์ปกติ และ นั้นจะเป็นการ  เน้นการรับประทานอาหารที่ มีประโยชน์ และ รวมไปถึง สารอาหารครบถ้วน และ อาจจะ มีกากใยสูง หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากเป็นสตรีมีครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และได้รับการตรวจ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม 

 

แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ตัวช่วยป้องกัน ภาวะสมองทำงานหนัก

กระบวนการการทำ น้ำอัลคาไลน์ ( น้ำด่าง )( Alkaline water ) เป็นอย่างไร


Tag :