ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ มักคิดเร็ว ทำเร็ว ทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ และในแต่ละวันที่ตื่นจะมีอะไรในหัวที่ต้องทำเยอะไปหมด ทำให้การทำงานของสมองเราทำงานหนักตลอดเวลา ส่งผลให้รู้สึกเบลอๆ ตื้อๆ คิดอะไรช้าลงหรือคิดไม่ค่อยออก รู้อย่างนี้แล้ว...มาดูวิธีดูแลตัวเองเพื่อให้มีสมองที่ดีกันเลยครับ
สมอง ( Brain ) คือ อวัยวะส่วนสำคัญของมนุษย์ และในสัตว์ต่าง ๆ เป็นอวัยวะที่ยืดหยุ่น ซึ่งมีความมหัศจรรย์ ที่ถูกวิวัฒนาการมา เพื่อความอยู่รอด มีระบบที่ซับซ้อนที่สุด ในบรรดาสมองของสัตว์ทุกชนิด ใน สมอง ประกอบด้วยเซลล์จำนวนนับแสนล้าน โดยแต่ละเซลล์ จะมีแขนงที่เชื่อมต่อกันเป็นร่างแห ขนาดใหญ่ มีการรับข้อมูล หรือ สิ่งกระตุ้นจากภายนอก จัดเป็นส่วนกลาง ของระบบประสาท ซึ่งกระบวนการคิด และการจดจำเป็นหน้าที่อันดับต้น ๆ ของ สมอง ที่เราจะนึกถึง แทบทุกครั้ง ที่เราเชื่อมโยงความสามารถในการจำของคน ๆ หนึ่ง กับประสิทธิภาพของ สมอง เสมอ ประโยคที่ได้ยินกัน จนเป็นเรื่องธรรมดาก็ คือ เด็กคนนี้หัวดีจึงสอบได้คะแนนดี เด็กคนนี้หัวไม่ดี จึงสอบตกตลอด ความหมายในคำพูดเหล่านั้น ก็คือศักยภาพ สมอง ของเด็กแต่ละคน ที่ไม่เท่ากันนั่นเอง แต่ความจริงแล้ว จะเป็นเพราะศักยภาพของ สมอง เพียงอย่างเดียวตามที่หลายคนเข้าใจ หรือไม่ คงต้องลงรายละเอียดให้ลึกลงไปว่า ความจำ กับ สมอง นั้นมีบทบาทต่อกันมากน้อยแค่ไหน
การทำงานขอ งสมอ งนั้นสลับซับซ้อนมาก ถึงแม้ว่าเราจะมีการศึกษา เกี่ยวกับหน้าที่ และส่วนประกอบของ สมอง จนทำให้เราได้รู้จักกับ สมอง มากยิ่งขึ้นแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนน้อย เมื่อเทียบกับความลับ ที่ซ่อนอยู่ของ สมอง โดยเฉพาะเรื่องของ ความจำ เรายังไม่สามารถกำหนดเป็นกฎเกณฑ์ มาตรฐานได้เลยว่า จะต้องกระตุ้นอย่างไร คน ๆ หนึ่ง ถึงจะมีความจำที่ดี ขึ้นกว่าเดิมได้ หรือ เมื่อความทรงจำ สูญหายไป เราจะต้องทำอย่างไร ถึงจะเรียกความจำทั้งหมด ให้กลับคืนมาได้ ข้อมูลที่มี จึงออกมาในรูปแบบของการ ให้แนวทางโดยรวมเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องการเรียนรู้ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ความจำ กับ สมอง ก็ต้องศึกษาว่า สมอง แต่ละส่วนทำหน้าที่อะไรบ้าง เพื่อใช้ต่อยอดในการศึกษาเชิงลึกต่อไป
1. อย่าละเลยอาหารมื้อเช้า
มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่ทำให้สมองตื่นตัว โดยควรกินอาหารอย่างถูกต้องและครบถ้วน เพราะสมองจะได้นำพลังงานมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการคิด การตัดสินใจเพื่อกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ อาหารเช้ายังช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย
2. กินอาหาร โปรตีน
ทานอาหาร จำพวกเนื้อสัตว์ ปลา ธัญพืชต่าง ๆ ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วย บำรุงสมอง เช่น กรดอะมิโนทริปโทเฟน เพื่อช่วยสร้างสารเซโรโทนิน ที่ช่วยคลายความกังวล ทำให้นอนหลับสบาย และกรดอะมิโนไทโรซีน ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ และต่อสู้กับความเครียด เป็นต้น
3. เสริมด้วย อาหาร เพื่อสุขภาพ สมอง
หากคุณไม่มีเวลา อาหารเสริม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ ในการดำรงชีวิตที่เร่งรีบแบบนี้ เพราะการที่จะต้องกิน อาหาร ให้ครบ เพื่อบำรุง สมอง อาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นลองเลือก อาหารเสริม ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาท และ สมอง เช่น อาหารเสริม ที่มีส่วนผสมจาก โอเมก้า 3 เพราะนอกจากจะช่วย บำรุงสมอง ยังเพิ่มประสิทธิภาพ ของระบบไหลเวียนโลหิต ลดการอักเสบ และความดันของหลอดเลือด อีกด้วย
4. เลือกกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น อาหารจำพวกข้าวไม่ขัดสี ซ้อมมือ ที่ต้องใช้เวลาในการย่อย และดูดซึมนาน ทำให้น้ำตาลในเลือดค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งสมองจะนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงาน ได้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงในตอนเช้า
5. เสริมผัก ผลไม้หลากสี
ผักผลไม้ต่าง ๆ ให้วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ อย่างผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า , ผักโขม เป็นแหล่งของ วิตามินอี และโฟเลต ช่วยชะลอปัญหาความจำเสื่อม อัตราการเปลี่ยนแปลงของความจำช้าลง รวมถึงผลไม้ต่าง ๆ เช่น องุ่น สตรอเบอร์รี่ ฯลฯ ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย
6. ออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที เพื่อทำให้เซลล์ประสาทในสมองทำงานเชื่อมโยงถึงกันได้เป็นอย่างดี ช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น รวมทั้งช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในสมองด้วย
7. ใส่ใจการนอน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้านอนคือ เวลา 22.00 – 02.00 น. เพราะเป็นช่วงที่สมองเริ่มหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้นอนหลับสนิทขึ้น และในขณะที่นอนหลับสนิท ร่างกายและสมองจะทำงานสัมพันธ์อย่างเป็นระบบเพื่อการฟื้นฟูร่างกาย
8. ดื่มน้ำบ่อยๆ
สมองของคนเรา 80% มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เพื่อให้สมองทำงานได้ดี จึงควรจิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างวัน กินน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
9. พักสมอง
บางครั้งสมองก็ต้องการพักผ่อนบ้างหลังจากที่ถูกใช้งานหนักมาทั้งวัน การพักสมอง เช่น การห่างจากโลกโซเซียลสักพัก ดูหนัง ฟังเพลง ออกทริปถ่ายรูป ไปในที่ที่ไม่เคยไป หรือลองเส้นทางใหม่ๆ หรือแม้แต่การลองหลงทางก็เป็นการกระตุ้นสมองได้ หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
10. ฝึกคิดและทำสิ่งใหม่อยู่เสมอ
หาแรงจูงใจใหม่ๆ ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เพราะจะช่วยให้สร้างเซลล์สมองใหม่ๆ และเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างกัน ทำให้ใช้สมองได้เต็มศักยภาพ
ด้วยความปราถนาดีจาก แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ตราแมนเนเจอร์ (Organic Coconut Oil Capsule COCO MEGA 3 By ManNature)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
บทความ แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
ดูแลสุขภาพด้วยแคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น