ถ้าพูดถึงผลไม้ที่มีทั้งประโยชน์และความบริสุทธิ์ "มะพร้าว" ต้องขึ้นอยู่เป็นผลไม้แถวหน้าๆ อย่างแน่นอน ยิ่งเป็น "น้ำมันมะพร้าว" คุณประโยชน์ ย่อมมีมากกว่า แล้วคลามลับที่มากกว่านั้น คืออะไรล่ะ?
น้ำมันมะพร้าว หรือ Virgin Coconut Oil สกัดแบบบีบเย็น จากเนื้อมะพร้าวสด บริสุทธิ์ โดยผ่านกระบวนการที่ไม่ใช้ความร้อนหรือสารเคมี Coldpressed Coconut Oil เป็นที่นิยมกันแพร่หลาย ซึ่งใครยังไม่เคยกิน ถือว่าเชย รวมถึงชนิดแบบแคปซูล หรือ แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นชนิดแคปซูลออร์แกนิค มีกรดลอริกที่เปลี่ยนไปเป็นสารโมโนลอรินในร่างกาย ซึ่งโมโนลอรินเป็นสารปฏิชีวนะที่ทำลายเชื้อโรคได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ส่วนความลับของน้ำมันมะพร้าวที่มากกว่านั้น มีอะไรบ้างล่ะ เราไปดูกันเลย
น้ำมันมะพร้าว มาจากการสกัดแบบเย็น ถึงแม้เชื่อว่าจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าการสกัดร้อน แต่องค์ประกอบกรดไขมันจะไม่ต่างกัน โดยที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง หรือ Medium Chain Triglycerides ( มีจำนวนคาร์บอน 6 - 12 ตัว ) 63% ซึ่งส่วนมากคือ กรดลอริกที่มีคาร์บอน 12 ตัว ( Lauric Acid, C12:0 ) กรดไขมัน อิ่มตัวสายยาว ( มีจำนวนคาร์บอน >12 ตัว ) 30% และกรดไขมันไม่อิ่มตัวสายยาว ( มีจำนวนคาร์บอน > 12 ตัว ) 7%
กรดไขมันอิ่มตัวสายกลางมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถดูดซึมที่ลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรงนำไปใช้ที่ตับได้อย่างรวดเร็ว แตกต่างจากกรดไขมันสายยาวที่ดูดซึมผ่านระบบน้ำเหลืองก่อนเข้ากระแสเลือดและการเปลี่ยนนำไปใช้เป็นพลังงานที่ตับมีกระบวนการซับซ้อนกว่า ทางการแพทย์จึงสกัดเอากรดไขมันอิ่มตัวสายกลางจากน้ำมันมะพร้าวไปใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบอาหารทางการแพทย์ชนิดรับประทาน สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการดูดซึมสารอาหารผิดปกติ ( Semi-elemental Diet ) เป็นส่วนประกอบสำหรับอาหารคีโตเจนิก ( Ketogenic Diet ) ในการรักษาผู้ป่วยเด็กโรคลมชัก และเป็นส่วนประกอบของไขมันในอาหารที่ให้ทางเส้นเลือดดำ ซึ่งการนำมาใช้ทางการแพทย์ที่กล่าวมานี้ต้องผ่านการสกัดแยกมาจากน้ำมันมะพร้าวอีกทีเพื่อเอาเฉพาะกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางเท่านั้น ไม่ใช่ ใช้น้ำมันมะพร้าวแบบที่ขายทั่วไปในท้องตลาดที่มีกรดไขมันอื่นๆประกอบอยู่ด้วย
กรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง ( มีจำนวนคาร์บอน 6 - 12 ตัว ) ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก ทั้งๆที่มีคุณสมบัติที่ถูกนำไปใช้ในตับได้เร็ว เชื่อว่าไม่สะสมเป็นเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย การศึกษาในประเทศบราซิล ( วารสาร lipids 2009 ) ในผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนลงพุงอายุระหว่าง 20 - 40 ปี กลุ่มที่รับประทานน้ำมันมะพร้าว 30 มล.ต่อวัน และกลุ่มที่รับประทานน้ำมันถั่วเหลือง 30 มล.ต่อวัน ( กลุ่มละ 20 คน ) ร่วมกับรับประทานอาหารพลังงานต่ำ และออกกำลังกายโดยการเดิน 200 นาทีต่อสัปดาห์ในทั้งสองกลุ่ม เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าทั้งสองกลุ่มลดน้ำหนักและดัชนีมวลกายและเส้นรอบพุงลงได้ไม่ต่างกัน
สำหรับการใช้น้ำมันมะพร้าวกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางกับโรคอัลไซเมอร์มีรายงานของผลิตภัณฑ์ชื่อ Axona ( AC - 1202 ) ของอเมริกาในปี 2009, 2011 และ 2012 ในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง 152 ราย ใช้ผลิตภัณฑ์ AC - 1202 ที่ 10-20 กรัมต่อวัน ไป 90 วัน ณ วันที่ 45 กลุ่มที่ได้รับน้ำมันมะพร้าวมีระดับการทดสอบดีขึ้น แต่ในวันที่ 90 คะแนนกลับมาเท่ากันในกลุ่มที่ได้และไม่ได้น้ำมันมะพร้าว รวมทั้งวันที่ 104 หลังจากหยุดการกินน้ำมันมะพร้าวไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่ไม่มียีนร้ายของสมองฝ่อกลับพบว่า น้ำมันมะพร้าวเสริมความจำให้ดีขึ้นที่การทดลองทุกระยะ
ประโยชน์จากน้ำมันมะพร้าวที่สำคัญอยู่ที่ ชนิดและต้องเป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง ไม่ใช่น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ไม่ทราบส่วนประกอบ ประโยชน์ด้านการลดน้ำหนักยังไม่ชัดเจน การป้องกันหรือลดการเกิดโรคหัวใจ และโรคสมองอาจจะเป็นไปได้ โดยที่ต้องติดตามใกล้ชิด
แคปซูลน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ( Coconut Oil Capsule ) น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นชนิดแคปซูลออร์แกนิค มีส่วนผสมจากน้ำมันมะพร้าวและโอเมก้า 3 จากน้ำมันงาขี้ม่อน ซึ่งมีกรดไขมันสายปานกลางที่ช่วยเร่งระบบเผาผลาญพลังงาน ย่อยง่ายและสามารถนำไปสร้างพลังงานได้ในทันที
ด้วยความปรารถนาดีจาก น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคสกัดเย็น ตราแมนเนเจอร์ (Organic Coconut Oil Extra Virgin By ManNature)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก thairath
อ่านบทความเพิ่มเติม